TH | EN


วันที่เพิ่มข้อมูล : 14 april 2563
มีผู้เข้าชมทั้งหมด : 1562 ครั้ง

หลอกขายหน้ากาก เจล/แอลกอฮอล์ล้างมือ ออนไลน์ โทษจำคุก 5 ปี

           

ทนายเจมส์

          สวัสดีท่านผู้อ่านทุกท่านครับ สัปดาห์นี้มีเรื่องที่น่าสนใจเกี่ยวกับการหลอกขายสินค้าในโลกออนไลน์ ปัจจุบันมีโรคระบาดเกิดจากเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งแพร่เชื้อได้ง่ายและรวดเร็วมาก และที่เกิดขึ้นติดตามมาอย่างรวดเร็วเช่นกัน คือ มิจฉาชีพในโลกออนไลน์ ทั้งโก่ง ทั้งโกง ครบถ้วน ซึ่งปัจจุบันมีให้เห็นเป็นจำนวนมากครับ ไม่ว่าจะเป็นการหลอกขายหน้ากากอนามัย เจลล้างมือ หรือแอลกอฮอล์ล้างมือ หรืออุปกรณ์จำเป็นอย่างอื่น เรียกได้ว่าเป็นสิ่งของที่จำเป็นต้องใช้ในปัจจุบัน เพื่อป้องกันการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ดังกล่าว

          ทั้งนี้ กรณีที่มีมิจฉาชีพแอบอ้างว่า มีหน้ากากอนามัย เจลล้างมือ หรือแอลกอฮอล์ล้างมือ พร้อมจำหน่าย แต่ไม่มีสินค้าอยู่จริง เป็นแค่เพียงการหลอกลวงเหยื่อ เพื่อให้เหยื่อโอนเงิน หรือส่งมอบเงินให้เท่านั้น 

                 การกระทำในลักษณะนี้จะมีความผิดฐานฉ้อโกง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 ผู้ใดโดยทุจริต หลอกลวงผู้อื่นด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้ง และโดยการหลอกลวงดังว่านั้นได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สาม หรือทําให้ผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สาม ทํา ถอน หรือทําลายเอกสารสิทธิ ผู้นั้นกระทําความผิดฐานฉ้อโกง ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ

นอกจากนี้ คนร้ายอาจจะต้องรับโทษหนักขึ้น หากเป็นการหลอกลวง ด้วยการแสดงตนเป็นบุคคลอื่น เช่น การใช้ชื่อหรือรูปภาพของบุคคลอื่นในการหลอกลวง เพื่อให้ผู้ซื้อหรือเหยื่อตายใจ ส่งมอบเงินให้โดยง่าย

            ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 342 ถ้าในการกระทำความผิดฐานฉ้อโกง ผู้กระทำ

              (1) แสดงตนเป็นคนอื่น หรือ

             (2) อาศัยความเบาปัญญาของผู้ถูกหลอกลวงซึ่งเป็นเด็ก หรืออาศัยความอ่อนแอแห่งจิตของผู้ถูกหลอกลวง

ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ประกอบกับมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ 

             มาตรา 14 “ผู้ใดกระทําความผิดที่ระบุไว้ดังต่อไปนี้ ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ

              (1) โดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน อันมิใช่การกระทําความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา....”

               ถ้าการกระทําความผิดตามวรรคหนึ่ง (1) มิได้กระทําต่อประชาชน แต่เป็นการกระทําต่อบุคคลใด บุคคลหนึ่ง ผู้กระทํา ผู้เผยแพร่หรือส่งต่อซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ดังกล่าวต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ และให้เป็นความผิดอันยอมความได้ 

              จากเหตุการณ์นี้จึงเป็นอุทาหรณ์ที่ทำให้ทราบว่า การซื้อขายสินค้าผ่านโลกออนไลน์นั้น เป็นเรื่องที่อันตรายมาก และสุ่มเสี่ยง การที่ท่านจะถูกหลอกให้โอนเงิน เบื้องต้นจึงตรวจสอบด้วยการขอดูสินค้าคู่กับใบหน้า และบัตรประจำตัวประชาชน หรือเปิดวิดีโอคอลล์ให้แน่ใจก่อนทำการโอนเงิน จะเป็นการตรวจสอบเบื้องต้นได้ในระดับหนึ่งครับว่าเป็นบุคคลที่ตรงตามโปรไฟล์หรือไม่ ในยุคนี้มีมิจฉาชีพเป็นจำนวนมากขึ้นครับ สรรหาวิธีการต่างๆ ที่จะหลอกเอาเงินจากเหยื่อให้ได้ จึงขอให้ท่านระมัดระวังเรื่องการโอนเงินด้วยครับ

             สำหรับท่านที่มีคำถามข้อสงสัยเกี่ยวกับเรื่องกฎหมายและต้องการความช่วยเหลือ หรือมีเรื่องราวดีๆ อยากแบ่งปันประสบการณ์ เมลมาหาผมได้ที่ “คุยกับคนดัง” talktoceleb@trendvg3.com ได้เลยครับ

Facebook: ทนายเจมส์ LK

Instagram: james.lk