TH | EN


วันที่เพิ่มข้อมูล : 26 april 2559
มีผู้เข้าชมทั้งหมด : 5830 ครั้ง

ขั้นตอนการเปลี่ยนแปลงสภาพการจ้าง ตามพ.ร.บ.แรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. 2518

ขั้นตอนการเปลี่ยนแปลงสภาพการจ้าง ตามพ.ร.บ.แรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. 2518

" เปลี่ยนแปลงสภาพการจ้างอย่างถูกวิธี  สร้างแรงงานสัมพันธ์ที่ดีในสถานประกอบกิจการ "

 

การยื่นข้อเรียกร้องขอปรับปรุงสภาพการจ้าง

ถ้านายจ้างหรือลูกจ้างเห็นว่าสภาพการจ้าง เช่น ค่าจ้าง สวัสดิการ วันเวลาทำงานไม่เหมาะสม พระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. 2518 บัญญัติให้ลูกจ้างหรือนายจ้างมีสิทธิยื่นข้อเรียกร้องต่ออีกฝ่ายหนึ่งได้ เช่น ปรับค่าจ้าง เงินเดือน จัดรถรับส่ง ชุดทำงาน วันเวลาทำงาน เป็นต้น และให้ทั้งสองฝ่ายตั้งผู้แทนมาเจรจาต่อรองกัน เมื่อตกลงกันได้ สภาพการจ้างก็เป็นไปตามข้อตกลงนั้น ซึ่งเรียกว่า ข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้าง

 

เมื่อไรจึงจะยื่นข้อเรียกร้องได้

- กรณีที่ไม่มีข้อตกลงเกี่ยวกับการจ้างมาก่อนจะยื่นเมื่อไรก็ได้

- กรณีมีข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างมาก่อน ให้ยื่นก่อนข้อตกลงเดิมจะหมดอายุ ภายใน 60 วัน

 

ข้อเรียกร้องที่ถูกต้อง

- ต้องทำข้อเรียกร้องเป็นหนังสือ

- กรณีลูกจ้างยื่นข้อเรียกร้อง ต้องมีลูกจ้างที่เกี่ยวข้องกับข้อเรียกร้องลงรายมือชื่อ และลายมือชื่อสนับสนุนข้อเรียกร้องไม่น้อยกว่าร้อยละ 15 ของลูกจ้างทั้งหมด ซึ่งเกี่ยวข้องกับ    ข้อเรียกร้องนั้น

- กรณีสหภาพแรงงานยื่นข้อเรียกร้อง ต้องมีสมาชิกไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 ของลูกจ้างทั้งหมดในสถานประกอบกิจการนั้น โดยไม่ต้องแนบรายชื่อของสมาชิก

- ระบุชื่อผู้แทนในการเจรจาจำนวนไม่เกิน 7 คน

 

การเจรจาต่อรอง

- ต้องเริ่มเจรจากันครั้งแรกภายในเวลา 3 วัน โดยฝ่ายที่รับข้อเรียกร้องต้องแจ้งชื่อผู้แทนในการเจรจาและเริ่มต้นเจรจาต่อรองกัน                                                                

- ถ้าตกลงกันได้ให้ทำข้อตกลงเป็นหนังสือ และผู้แทนของทั้งสองฝ่ายลงลายมือชื่อร่วมกัน ให้นายจ้างปิดประกาศให้ลูกจ้างทราบ และนำข้อตกลงไปจดทะเบียนต่อเจ้าหน้าที่ภายใน 15 วัน นับแต่ตกลงกันได้

 

การไกล่เกลี่ยข้อพิพาทแรงงาน

- เมื่อเจรจากันแล้วตกลงกันไม่ได้ หรือไม่มีการเจรจากันภายใน 3 วัน ให้ฝ่ายที่ยื่นข้อเรียกร้องแจ้งเป็นหนังสือให้พนักงานประนอมข้อพิพาทแรงงานทราบโดยด่วนภายใน  24 ชั่วโมง

- พนักงานประนอมข้อพิพาทแรงงานจะนัดผู้แทนทั้งสองฝ่ายไกล่เกลี่ยโดยเร็วที่สุดโดยมีระยะเวลา 5 วัน

- ตลอดระยะเวลาที่ดำเนินการตามขั้นตอนต่าง ๆ ห้ามนัดหยุดงานหรือปิดงาน ถ้าลูกจ้างนัดหยุดงานเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายอาจถูกเลิกจ้างโดยไม่ได้รับค่าตอบแทนใด ๆ เลย และถ้านายจ้างปิดงานก็เป็นการฝ่าฝืนกฎหมายอาจมีโทษทางอาญาได้

- ถ้าพนักงานประนอมข้อพิพาทแรงงานไกล่เกลี่ยให้ตกลงกันได้ให้ทำข้อตกลงเป็นหนังสือ และให้นายจ้างนำไปจดทะเบียนต่อพนักงานประนอมข้อพิพาทแรงงานภายใน 15 วัน

- สำหรับข้อพิพาทแรงงานที่ตกลงกันไม่ได้ในกิจการที่สำคัญ เช่น การผลิตจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิง ลูกจ้างไม่มีสิทธินัดหยุดงาน และนายจ้างไม่มีสิทธิปิดงาน พนักงานประนอมข้อพิพาทแรงงานจะส่งข้อพิพาทแรงงานที่ตกลงกันไม่ได้นั้นให้คณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์วินิจฉัย และหากคู่กรณีไม่พอใจคำวินิจฉัย มีสิทธิอุทธรณ์ต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานได้ เมื่อรัฐมนตรีฯ วินิจฉัยอุทธรณ์แล้วถือเป็นยุติทั้งสองฝ่ายต้องปฏิบัติตาม

 การนัดหยุดงานหรือปิดงาน

- หากพนักงานประนอมข้อพิพาทแรงงานไกล่เกลี่ยแล้วตกลงกันไม่ได้ลูกจ้างมีสิทธินัดหยุดงาน นายจ้างมีสิทธิปิดงาน เพื่อกดดันให้อีกฝ่ายหนึ่งยอมรับข้อเรียกร้องของตน สำหรับลูกจ้างที่ต้องการนัดหยุดงานหรือนายจ้างที่ต้องการปิดงาน ต้องทำหนังสือแจ้งอีกฝ่ายหนึ่งและพนักงานประนอมข้อพิพาทแรงงานทราบโดยด่วน หลังจากแจ้งแล้ว 24 ชั่วโมง จึงนัดหยุดงาน หรือปิดงานได้

- ในกรณีที่สหภาพแรงงานเป็นผู้ยื่นข้อเรียกร้องและจะหยุดงานต้องจัดประชุมใหญ่ลงคะแนนเสียงโดยวิธีลับ เพื่อขอความเห็นชอบจากสมาชิกและต้องได้คะแนนเสียงเกินกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดตามทะเบียนจึงจะหยุดงานได้

- ระหว่างการนัดหยุดงานหรือการปิดงาน ลูกจ้างจะไม่ได้รับค่าจ้างจากนายจ้าง เนื่องจากไม่มีการทำงานเกิดขึ้น

- หากไม่ต้องการนัดหยุดงาน ทั้งสองฝ่ายจะเจรจากันต่อไป หรือแจ้งพนักงานประนอมข้อพิพาทแรงงานเข้าไกล่เกลี่ยเกลี่ยต่อไปจนกว่าจะตกลงกันก็ได้หรืออาจใช้วิธีการตั้งผู้ชี้ขาดดังกล่าวคู่กรณีต้องปฏิบัติตาม

- หากท่านไม่เข้าใจในขั้นตอนข้างต้นห้ามปิดงานหรือนัดหยุดงานเด็ดขาด โปรดปรึกษาพนักงานประนอมข้อพิพาทแรงงานที่สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานพื้นที่ทุกพื้นที่ สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดทุกจังหวัด หรือที่สำนักแรงงานสัมพันธ์

 

ถ้าเกิดข้อขัดแย้งจะทำอย่างไร

- ปรึกษาหารืออีกฝ่ายหนึ่งด้วยเหตุผล ไม่ใช้อารมณ์ในการตัดสินปัญหา เพราะผู้ที่รู้ปัญหาดีที่สุดและจะได้รับผลกระทบโดยตรงก็คือ ฝ่ายนายจ้างและฝ่ายลูกจ้างนั่นเอง

- ร้องทุกข์ต่อผู้บังคับบัญชาตามลำดับ หรือคณะกรรมการลูกจ้าง

- ปรึกษาหารือกับพนักงานประนอมข้อพิพาทแรงงานใกล้สถานประกอบกิจการของท่านโดยไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมใด ๆ