การกระทำอันไม่เป็นธรรม ตามมาตรา 38
การกระทำอันไม่เป็นธรรม ตามมาตรา 38
แห่งพระราชบัญญัติแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ พ.ศ. 2543
มูลเหตุของการกระทำอันไม่เป็นธรรม
ตามมาตรา 35 ห้ามมิให้นายจ้าง
(1) เลิกจ้างหรือกระทำการใดๆอันอาจเป็นผลให้ลูกจ้างไม่สามารถทนทำงานอยู่ต่อไปได้เพราะเหตุที่ลูกจ้างได้ดำเนินการขอจัดตั้งสหภาพแรงงาน สหพันธ์แรงงาน หรือเข้าเป็นสมาชิก หรือกรรมการสหภาพแรงงาน กรรมการสหพันธ์แรงงาน กรรมการกิจการสัมพันธ์ กรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ หรืออนุกรรมการ หรือดำเนินการฟ้องร้อง เป็นพยาน หรือให้หลักฐานต่อพนักงานเจ้าหน้าที่นายทะเบียน หรือคณะกรรมการหรือต่อศาลแรงงาน
(2) ขัดขวางในการที่ลูกจ้างเป็นสมาชิก หรือให้ลูกจ้างออกจากการเป็นสมาชิกของสหภาพแรงงาน สหพันธ์แรงงาน กรรมการกิจการสัมพันธ์ หรือให้ หรือตกลงจะให้เงิน หรือทรัพย์สินแก่ลูกจ้างหรือเจ้าหน้าที่ของสหภาพแรงงาน เพื่อมิให้สมัครหรือรับสมัครลูกจ้างเป็นสมาชิก หรือเพื่อให้ออกจากการเป็นสมาชิกของสหภาพแรงงาน
(3) ขัดขวางการดำเนินการของสหภาพแรงงานหรือสหพันธ์แรงงาน หรือขัดขวางการใช้สิทธิ์ของลูกจ้างในการเป็นสมาชิกสหภาพแรงงาน หรือ
(4) เข้าแทรกแซงการดำเนินการของสหภาพแรงงาน หรือสหพันธ์แรงงานโดยมิชอบด้วยกฎหมาย
ตามมาตรา 37 ในระหว่างที่ข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้าง ตามมาตรา 25 วรรคหนึ่ง หรือคำชี้ขาดตามมาตรา 32 มีผลใช้บังคับ ห้ามมิให้นายจ้างเลิกจ้างหรือโยกย้ายหน้าที่การงานของกรรมการ อนุกรรมการ หรือสมาชิกสหภาพแรงงาน ซึ่งเกี่ยวข้องกับข้อเรียกร้องเว้นแต่มีการยุบเลิกรัฐวิสาหกิจหรืองานส่วนใดส่วนหนึ่งใดของรัฐวิสาหกิจ หรือบุคคลดังกล่าวได้กระทำการดังต่อไปนี้
(1) ทุจริตต่อหน้าที่หรือกระทำความผิดอาญาโดยเจตนาแก่นายจ้าง
(2) จงใจให้นายจ้างได้รับความเสียหาย
(3) ฝ่าฝืนข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงาน หรือระเบียบ หรือคำสั่งอันชอบด้วยกฎหมายของนายจ้าง โดยนายจ้างได้ว่ากล่าวตักเตือนเป็นหนังสือแล้ว และยังไม่เกินหนึ่งปีนับแต่วันที่ลูกจ้างได้รับทราบหนังสือเตือนนั้น ทั้งนี้ ข้อบังคับ ระเบียบ หรือคำสั่งนั้น ต้องมิได้ออกเพื่อขัดขวางมิให้บุคคลดังกล่าวดำเนินการเกี่ยวกับข้อเรียกร้อง เว้นแต่กรณีที่ร้ายแรง นายจ้างไม่จำต้องตักเตือน
(4) ละทิ้งหน้าที่เป็นเวลาสามวันทำงานติดต่อกันโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร
(5) กระทำการใดๆเป็นการยุยงสนับสนุนหรือชักชวนให้มีการฝ่าฝืนข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างหรือคำชี้ขาด
การยื่นคำร้องตามมาตรา 38 ให้ผู้เสียหายเนื่องจากการฝ่าฝืนมาตรา 35 หรือมาตรา 37 มีสิทธิยื่นคำร้องได้ภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับความเสียหายกล่าวหาผู้ฝ่าฝืน ต่อคณะกรรมการเพื่อพิจารณาวินิจฉัยชี้ขาด
ให้คณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดและออกคำสั่งภายในหกสิบวันนับแต่วันที่ได้รับคำร้อง และให้ฝ่ายนายจ้างและลูกจ้างปฏิบัติตามคำชี้ขาดนั้น ในกรณีนี้ ให้คณะกรรมการมีอำนาจออกคำสั่งให้นายจ้างรับลูกจ้างกลับเข้าทำงาน หรือให้จ่ายค่าเสียหาย หรือให้ผู้ฝ่าฝืนปฏิบัติหรือไม่ปฏิบัติอย่างหนึ่งอย่างใดตามที่เห็นสมควรได้
คุณสมบัติของผู้มีสิทธิยื่นคำร้อง
ลูกจ้างและ สหภาพแรงงาน
ระยะเวลาการใช้สิทธิ
ผู้เสียหายต้องยื่นคำร้องภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับความเสียหายกล่าวหาผู้ฝ่าฝืนต่อคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์เพื่อพิจารณาวินิจฉัยชี้ขาด
สถานที่ยื่นคำร้อง
ผู้เสียหายสามารถยื่นคำร้องได้ที่ ชั้น 3 กลุ่มงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ สำนักงานคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ สำนักแรงงานสัมพันธ์ กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน อาคารกระทรวงแรงงาน ถนนมิตรไมตรี เขตดินแดง กรุงเทพมหานคร 10400
การดำเนินการของคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์
เมื่อสำนักงานคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ ได้รับคำร้องของผู้เสียหายแล้ว ให้ดำเนินการภายในหกสิบวัน โดยเริ่มจากนัดคู่กรณีสอบข้อเท็จจริง วิเคราะห์ข้อกฎหมาย เตรียมเอกสาร หาข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อให้คณะอนุกรรมการพิจารณากฎหมายแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์พิจารณา ครั้งที่ 1 ครั้งที่ 2 หรือครั้งที่ 3 เพื่อพิจารณากลั่นกรอง และให้ความเห็นในเบื้องต้น แล้วนำเสนอคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์วินิจฉัยชี้ขาดและออกคำสั่ง แล้วแจ้งผลการวินิจฉัยให้นายจ้าง/ลูกจ้างทราบ
การปฏิบัติตามคำสั่ง
คณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์มีอำนาจในการออกคำสั่งให้นายจ้างรับลูกจ้างกลับเข้าทำงาน หรือให้จ่ายค่าเสียหาย หรือให้ผู้ฝ่าฝืนปฏิบัติหรือไม่ปฏิบัติอย่างใดอย่างหนึ่งตามที่เห็นสมควรได้ ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามคำสั่งคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์มีบทกำหนดโทษ ตามมาตรา 79 คือต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ