สิ่งที่นายจ้างควรรู้เมื่อจ้างแรงงานต่างด้าว
นายจ้างหรือผู้ประกอบการหลายคนต้องการแรงงานจำนวนมาก แต่ประสบปัญหาแรงงานในประเทศไทยไม่เพียงพอ ทำให้การจ้างแรงงานต่างด้าวก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่น่าสนใจ เพราะสามารถจ้างได้จำนวนมาก และแรงงานต่างด้าวส่วนใหญ่มักทนงาน แต่การนำเข้าแรงงานต่างด้าวนั้นจำเป็นต้องเข้าใจกฎหมายหลายข้อเพื่อปฏิบัติตามได้อย่างถูกต้อง มาดูสิ่งที่นายจ้างควรรู้เมื่อจ้างแรงงานต่างด้าวกัน
รู้หรือไม่ว่า การจ้างแรงงานต่างด้าวจะต้องทำ MOU จึงจะถือว่าแรงงานเข้ามาทำงานอย่างถูกกฎหมาย ซึ่งค่าใช้จ่ายในการทำ MOU ของแต่ละประเทศทั้งลาว กัมพูชา เมียนมาร์ จะแตกต่างกัน โดยการนำเข้าแรงงานต่างด้าวตาม MOU สามารถทำได้ 2 วิธี คือ 1. นายจ้างดำเนินงานด้วยตัวเอง 2. ดำเนินการผ่านบริษัทนำคนต่างด้าวมาทำงานในประเทศที่ถูกต้องตามกฎหมาย โดยถ้าหากนำเข้าแรงงานผ่านบริษัทตัวแทนจะสามารถทำได้ง่ายกว่า เพราะรับรองได้ว่าถูกต้องตามกฎหมายแน่นอน ไม่ต้องเสียเวลาศึกษาเอง
แรงงานต่างด้าวทุกคนที่เข้ามาทำงานในประเทศไทยอย่างถูกกฎหมายจะต้องทำประกันสังคม โดยนายจ้างที่มีลูกจ้างตั้งแต่ 1 คนขึ้นไป จะต้องขึ้นทะเบียนนายจ้างพร้อมกับขึ้นทะเบียนลูกจ้างเป็นผู้ประกันตนภายใน 30 วัน ซึ่งนายจ้างขึ้นทะเบียนได้ที่สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครหรือสำนักงานประกันสังคมจังหวัดที่สถานประกอบการตั้งอยู่
แบบขึ้นทะเบียนนายจ้าง (สปส.1-01) ต้องใช้เอกสารดังนี้
กรณีจดทะเบียนนิติบุคคล
กรณีเจ้าของคนเดียว
แบบขึ้นทะเบียนผู้ประกันตน (สปส.1-03) ต้องใช้เอกสารดังนี้
แรงงานต่างด้าวจะได้รับสิทธิความคุ้มครอง 7 กรณี ซึ่งรวมถึงการรักษาพยาบาลต่าง ๆ จากกองทุนประกันสังคมเช่นเดียวกับแรงงานไทย คือ
ดังนั้น หากจะจ้างแรงงานต่างด้าว ควรขึ้นทะเบียนแรงงานให้ถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อให้ได้รับสิทธิประโยชน์อย่างเสมอภาคและเท่าเทียมกัน
กฎหมายแรงงานต่างด้าวที่นายจ้างควรรู้
กฎหมายคุ้มครองแรงงานต่างด้าวจะเหมือนกันกับแรงงานไทย โดยมีกฎหมายคุ้มครองแรงงานฉบับใหม่ปี 2562 มีรายละเอียดที่น่าสนใจ ดังนี้
แรงงานต่างด้าวจะได้รับค่าแรงขั้นต่ำเทียบเท่ากับแรงงานไทย นายจ้างอาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้น แต่ก็ทำให้นายจ้างมีโอกาสเลือกแรงงานต่างด้าวที่มีคุณภาพ เนื่องจากค่าแรงขั้นต่ำของประเทศไทยสูงกว่าประเทศเพื่อนบ้าน ทำให้แรงงานต่างด้าวสนใจเข้ามาทำงานในประเทศไทยจำนวนมาก และทำให้นายจ้างสามารถหาลูกจ้างทำงานบางประเภทที่แรงงานไทยไม่อยากทำ อย่างเช่น งานก่อสร้าง งานในโรงงานอุตสาหกรรม งานขนของ เป็นต้น โดยแต่ละจังหวัดมีอัตราค่าแรงขั้นต่ำแตกต่างกัน นายจ้างควรตรวจสอบข้อมูลให้ดีว่าจังหวัดที่สถานประกอบการตั้งอยู่มีอัตราค่าแรงขั้นต่ำเท่าไร ปัจจุบันค่าแรงขั้นต่ำของกรุงเทพมหานครและปริมณฑลอยู่ที่ 325 บาทต่อวัน แต่เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2562 ได้มีการปรับขึ้นค่าแรงทั่วประเทศ โดยค่าแรงขั้นต่ำของกรุงเทพมหานครและปริมณฑล อยู่ที่ 331 บาทต่อวัน มีผลบังคับใช้วันที่ 1 มกราคม 2563 เป็นต้นไป