สาเหตุที่ทำให้เกิดสภาพปัญหาการขาดแคลนแรงงานไทย
จากการคาดการณ์ขององค์การสหประชาชาติ (UN) ในอีก 10 ปีข้างหน้าปี 2563 ประเทศไทยจะมีประชากรผู้สูงอายุที่มีอายุมากกว่า 65 ปีอยู่ที่ 8.9 ล้านคน เพิ่มขึ้นกว่าสองเท่าตัวเทียบกับปี 2543อยู่ที่ 4.4 ล้านคน และเมื่อพิจารณาอัตราส่วนพึ่งพิงวัยชรา (Old Age Dependency Ratio) คือจํานวนประชากรผ้สู งอายุที่มีอายุมากกว่า 65 ปีขึ้นไปต่อประชากรวัยทํางานอายุ 15 - 64 ปีพบว่าสัดส่วนนี้ของไทยเริ่มปรับตัวสูงกว่าค่าเฉลี่ยของภูมิภาคเอเชียในปี 2543 และคาดว่าในปี 2563 จะอยู่ที่ร้อยละ 17 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 13
และ 10 ในปี 2553 และ 2543 ตามลําดับ โดยประเทศที่มีระดับ Old Age Dependency Ratio สูงสุดในโลก
คือ ญี่ปุ่น รองลงมาคือยุโรป
1.การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรอย่างรวดเร็วดังกล่าวจะส่งผลให้เกิดปัญหาทางโครงสร้างของความไม่สอดคล้องระหว่างอุปสงค์และอุปทานของแรงงานด้านอายุในระยะยาว โดยภาคการผลิตที่จะได้รับผลกระทบอย่างมากและรุนแรงกว่าภาคอื่น คือ ภาคอุตสาหกรรม เพราะมีความต้องการกลุ่มแรงงานอายุน้อยในช่วง 20 - 30 ปีขณะที่แรงงานในภาคเกษตรกรรมและภาคบริการจะอยู่ในช่วงอายุระหว่าง 35 - 60 ปีและ 35 - 50 ปีตามลําดับ
2. ระบบค่าตอบแทนที่ยังไม่สอดคล้องกับผลิตภาพของแรงงาน (labour productivity) ในช่วง10 ปีที่ผ่านมา 2544 - 2553 อัตราการเพิ่มค่าจ้างจริง (Real wages) ต่ํากว่าอัตราการเพิ่มผลิตภาพของแรงงาน (Labour productivity) และจากค่าจ้างจริงของทุกกลุ่มการศึกษาแทบไม่มีการเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ปี 2007 ซึ่งเป็นปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลให้แรงงานไหลออกจากภาคอุตสาหกรรมเห็นได้จากสัดส่วน
ของคนงานในภาคอุตสาหกรรมในช่วงอายุมากกว่า 35 ปีขึ้นไป น้อยกว่าผู้ที่มีอายุ 15-34 ปี นอกจากนี้หลังวิกฤตเศรษฐกิจโลกสําคัญในในปี 2540 และ 2551 พบว่า แรงงานไทยบางส่วนไม่ต้องการทํางานในการจ้างงานในระบบเพราะมีความไม่แน่นอนและเป็นสัญญาชั่วคราว จึงออกมาประกอบอาชีพอิสระในภาคเศรษฐกิจนอกระบบ (Informal sector) โดยปัจจุบันตลาดแรงงานไทยมีผู้ประกอบอาชีพอิสระถึงประมาณ 2 ใน 3 ของผู้มีงานทําทั้งหมด
3. ภาคการผลิตของประเทศไทยยังมีประสิทธิภาพต่ํา ไทยซึ่งอยู่ในกลุ่มระดับรายได้ปานกลางและถูกจัดอยู่ในกลุ่มที่มีระดับเทคโนโลยีในการผลิตระดับกลาง ยังคงพึ่งพาการผลิตในกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีความสําคัญของประเทศที่อาศัยความได้เปรียบในการแข่งขันจากการใช้แรงงานค่าแรงต่ําเป็นหลักซึ่งกลุ่มประเทศนี้พยายามที่จะแข่งขันในตลาดส่งออกและพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตเพื่อเพิ่มมูลค่า
และเพิ่มผลิตภาพของภาคอุตสาหกรรมของตนจากการเป็นฐานการประกอบและแปรรูปไปสู่การเป็นประเทศที่อาศัยนวัตกรรม มีการผลิตโดยใช้เทคโนโลยีชั้นสูง และการคิดค้นเทคโนโลยีใหม่ๆ ในภาคบริการและภาคเกษตร เพ่ือก้าวไปสู่การเป็นกลุ่มประเทศที่มีรายได้สูง ประเทศจีนถือว่าเป็นกลุ่มผู้นําของกลุ่มเทคโนโลยีขั้นกลาง จากภาคอุตสาหกรรมของจีนที่เติบโตและพัฒนาอย่างรวดเร็วสามารถเสริมสร้างศักยภาพด้านเทคโนโลยีการผลิตได้ในหลายอุตสาหกรรม
การเพิ่มผลิตภาพการผลิต (Productivity) ด้วยนวัตกรรมของไทยยังมีน้อยมาก และการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนา (Research and Develo pment : R&D) ของไทยยังอยู่ในระดับต่ํา* (19)โดยจะเห็นได้ว่าสัดส่วนการใช้จ่ายด้าน R&D ในภาคอุดมศึกษาต่อ GDP 20 ของไทยต่ํากว่าประเทศในกลุ่มเอเชียตะวันออกที่มีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีเช่น ญี่ปุ่น สิงคโปร์ฮ่องกง นอกจากนี้ประเทศไทย
ยังมีปัญหาบัณฑิตที่จบการศึกษาระดับอุดมศึกษามีคุณภาพต่ํา ขาดบัณฑิตในบางสาขา เช่น STEM คือสาขาวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีวิศวกรรมศาสตร์และคณิตศาสตร์และการทําวิจัยมีจํากัดเนื่องจากขาดทักษะและความเชื่อมโยงระหว่างสถาบันอุดมศึกษากับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนานวัตกรรมทั้งผู้จ้างงาน บริษัทและผู้ใช้ประโยชน์งานวิจัย สถาบันวิจัย สถาบันการศึกษาและหน่วยงานอื่น เป็นต้น
ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมของไทย
4. สาเหตุอื่นๆ เช่น ทัศนคติในทางลบของแรงงานไทยต่อการทํางานประเภทที่ใช้ทักษะต่ําความต้องการของแรงงานในการสร้างฐานะความมั่นคงของตนเองด้วยการประกอบอาชีพอิสระในภาคเศรษฐกิจแบบไม่เป็นทางการหรือนอกระบบ และการที่ราคาและรายได้ในภาคเกษตรในระยะหลัง2 - 3 ปีที่ผ่านมาอยู่ในเกณฑ์ดีจูงใจให้แรงงานไทยยังทํางานในภาคเกษตรกรรมต่อไป